Lost myself..

ต้นไม้ที่ยืนรากมั่นคงอยู่ชั่วนาตาปี หากต้องพายุโหมกระหน่ำอย่างไม่ทันตั้งตัว ก็คงถูกแรงพายุถอนรากถอนโคนจนยากจะฟื้น มิพักกับคนเราที่อยู่ตัวคนเดียวมาหลายหนาวเพียงแค่ลมแห่งรักพัดวูบเข้ามา หัวใจส่วนลึกที่โหยหาใครสักคน ย่อมสูญเสียความสมดุลระหว่างความแข็งแกร่งยามอยู่คนเดียว กับความเปลี่ยวเหงาที่ต้องการคนเคียงข้างเป็นธรรมดา
บางคนว่าต้องรักอย่างมีสติ เอาเข้าจริงการใช้สติเข้าชนะกิเลสเหลิงหลงนั้นทำยากพอดู และยิ่งเป็นรักครั้งแรกด้วยแล้ว ยากนักที่จะจำแนกว่ารักหรือหลง ทฤษฎีที่เรียนรู้มาก่อน กลับถูกหลงลืมไม่นำมาใช้ปฏิบัติ ผลที่วาดหวังไว้จึงสวนทางกับสิ่งที่เป็นอยู่
"รักได้แต่อย่าสูญเสียความเป็นตัวเอง" ฉันเองรู้อยู่เต็มอก แต่อารมณ์และความต้องการมันก็พาให้ฉันเปลี่ยนไป จากคนที่มีเหตุผลกลายเป็นเด็กเอาแต่ใจ จากคนที่เคยแข็งแกร่งกลับอ่อนไหว ขี้ระแวง ณ วันนี้ฉันจะพยายามกลับสู่สิ่งที่ฉันเป็นให้ได้ ฉันจะปรับความสมดุลนั้น จะให้เวลาและระยะห่างที่เหมาะสมกับเธอ ฉันจะเพียงแค่เพิ่มเธอเข้ามาอยู่ข้างๆเพื่อเติมเต็มซึ่งกันและกัน จะไม่แย่งยื้อความเป็นส่วนตัวจากเธอ หวังว่าเธอยังคงให้โอกาสในการปรับตัวของฉันครั้งนี้ และอดทนรอคอยผลของมันนะคะ...โจ้
3 Comments:
รักอย่างไร จึงจะไม่สูญเสียความเป็นตัวเอง
รักอย่างไรจึงจะรู้แน่ว่านี่คือรัก ไม่ใช่แค่เหลง
ทฤษฎีมากมายที่รู้จัก
ยังต้องยอมแพ้กับข้อคำถามที่ว่านี้
ความรัก เป็นเรื่องของ Feeling NOT Thinking
แค่ความห่วงใย ความใส่ใจ อาจยังไม่ดีพอ
หากเราใส่ความเข้าใจในตัวตนของกันและกัน
แล้วเรายอมรับได้ อย่างไร้เงื่อนไข
อย่างนี้หรือเปล่าที่เรียกว่า "ความรัก"
ไม่ใช่น้องโจ้ เด็กแนว เข้ามาตอบได้ไหมเธอ
หลายคำถาม ไม่มีคำตอบที่ถูกต้องที่สุด เราจึงต้องหาคำตอบที่เหมาะกับเราที่สุด ด้วยตัวของเราเอง
เฮ้อ...เริ่มงงวุ้ย
การได้เรียนภาคทฤษฎีนั้นบางเรื่องก็สามารถมาปรับใช้ในภาคปฏิบัติได้อย่างดีเยี่ยม....แต่กับเรื่องความรักนั้น การที่จะอยู่ได้ด้วยความเข้าใจ และรักกันตลอดไปนั้น มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับการได้เรียนทฤษฎีเกี่ยวกับความรักมามากหรือน้อยเลย
Post a Comment
<< Home