My Journey
ฉันพาหัวใจเดินทางมาไกล ผ่านห้วงเวลาที่ความเงียบเหงาโบยตี ความโดดเดี่ยวอ้างว้าง สะดุดแข้งขาจนหกล้ม เพื่อค้นหาดินแดนแห่งนั้น ดินแดนที่ใครๆบอกว่ามันเต็มไปด้วยความสุข...ดินแดนแห่งความรัก... ดินแดนที่มีใครคนหนึ่งรออยู่ พร้อมรอยยิ้มที่เข้าใจ และอ้อมแขนที่อบอุ่น ฉันเดินมาจนล้า เจ้าหัวใจที่พามาเป็นเพื่อนเริ่มแห้งเหี่ยว ฉันได้แต่ปลุกปลอบกับใจ "เข้มแข็งเข้าไว้ อีกไม่เท่าไหร่ก็จะได้เจอ" กำลังใจนั้นเพิ่มขึ้นได้จากตัวของฉันเอง และความหวังที่จะได้พบดินแดนแห่งนั้น
และแล้ว ..วันนั้นก็มาถึง ภาพแรกช่างสวยงามดังภาพฝัน "ดินแดนแห่งนั้นแน่แล้ว เจ้าหัวใจ นี่ไงดินแดนที่เราตามหา" ฉันร้องบอกเพื่อนที่ร่วมเดินทางมาด้วยกันด้วยความดีใจ อาการของหัวใจดูชุ่มชื่นขึ้นผิดหูผิดตา ใครคนหนึ่งเดินเข้ามาทักทายพร้อมรอยยิ้ม ยื่นมืออันอุ่นด้วยไอประหลาดบางอย่างที่เพียงแค่แตะกุม ก็เหมือนมีกระแสแห่งความสุขไหลผ่านไปทั่วร่าง "เค้าคนนั้นนั่นเอง" เราเดินจับมือกันท่องเที่ยวในดินแดนแห่งนั้นจนเพลิน เค้าพาฉันไปดูทุ่งดอกไม้แห่งคำหวาน มันสวยงามเสียจนฉันไปอากจะก้าวไปไหนต่อ ต่อมาคือลธารแห่งความห่วงใย น้ำไหลใสเย็นเป็นสีชมพูจางๆ ฉันตักขึ้นมาล้างหน้า มันสดชื่นกว่าที่คิด นี่ยังไม่นับที่อื่นๆ เช่น ต้นไม้แห่งการให้และรับ สายลมแห่งความคิดถึง และแสงแดดแห่งความอบอุ่น ฉันกอดเค้าแทนคำขอบคุณที่พาฉันมาพบกับสิ่งดีๆ ที่รอคอยมาตลอด ฉันเพิ่งสังเกตุเห็นว่าตอนนี้ เค้าเริ่มเดินเณ้วขึ้น อสงข้างทางเปลี่ยนไป ต้นไม้ทะมึนทึบน่ากลัว แสงสว่างเริ่มลอดผ่านลงมายากเต็มที ฉันเหนื่อย ไขว่คว้าหามือของเค้าคนนั้น ฉันเห็นมันอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม แต่เค้าก็เดินเร็วเกินกว่าที่ฉันจะคว้าแขนเค้าไว้ได้ทัน เสียงฝีเท้าของเค้ายังคงได้ยินอยู่ไม่ไกล ฉันลองเอื้อมมือคว้าอีกครั้ง ฉันสัมผัสมือนั้นได้ แต่ทำไมมันช่างเยียบเย็น ไม่เหมือนมืออุ่นๆที่คุ้นเคย เค้าสะบัดมือหลุดเพราะจังหวะการเดินที่ก้าวเร็ว ความมืดโรยตัวเข้ามาปกคลุมเส้นทางข้างหน้า แต่ฉันยังเห็นแผ่นหลังของเค้าคนนั้นอยู่ไม่ไกล " เดินเร็วเข้าสิ" ฉันบอกับตัวเอง มิพักถึงเจ้าหัวใจ ที่ตอนนี้มันเหนื่อยพอๆกับฉัน ไม่นานฉันรู้สึกว่าตัวเองตกวูบลงไปในหลุมแห่งอดีต อากาศข้างล่างช่างบางเบาทำฉันหายใจไม่ออก ฉันตะโกนเรียกเค้าเพื่อขอความช่วยเหลือ แต่ทำไมเสียงฉันถึงได้เบาลงๆ ฉันนั่งหมดหวังอยู่ก้นหลุมอันน่าอึดอัด ซักพักเค้าก็ปรากฎตัวที่ปากหลุม เค้าบอกฉันว่า หลุมนี้ฉันเป็นคนขุดขึ้นจากอดีตของเค้า มันจะลึกลงเรื่อยๆ ถ้าฉันไม่ศรัทธาในความรัก "ฮ้า..แล้วอะไรคือความรักล่ะ ฉันยังไม่เข้าใจมันดีเลย" ฉันรู้สึกว่าหลุมนั้นเลื่อนลึกลงไปอีก ฉันเอาแต่ก้มหน้าร้องไห้ น้ำตาของฉันเริ่มท่วมหลุมนั้นขึ้นมาเรื่อยๆ ไม่มีใครเลยจะช่วยฉันได้ ไม่มีเลย ฉันเกือบจมไปกับอดีตที่ฉันพยายามไม่รับรู้นั้น แต่ฉันก็พบว่ายิ่งทำใจให้ลืม มันยิ่งทำให้อยากรู้ให้ลึกขึ้น ฉันหมดหวัง ถ้าไม่ได้เจ้าหัวใจฉันคงตายอยู่ในนั้นแล้ว ตอนนี้เจ้าหัวใจแข็งแรงขึ้นมาก จนน่าแปลกใจ เจ้าหัวใจบอกฉันว่า "เรารักเท่าที่เราสามารถรักเค้าได้ก็พอ ส่วนที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับเค้าว่าเค้าจะให้เรามาเท่าไหร่ ถ้าเราทำดีที่สุดแล้วผลมันออกมาไม่ใช่อย่างที่เราคิด มันก็ไม่มีใครผิด เราอาจเสียใจแต่ ความรักคือการเสี่ยง คนที่เป็นสุขได้คือคนที่เข้าใจรัก และรู้จักรอ" ฉันไม่ร้องไห้อีกแล้ว อีกเพียงนิดเดียว ฉันก็จะขึ้นไปข้างบนได้อีกครั้ง ขาดแต่เพียงมืออุ่นๆมือนั้น ถ้าเพียงเค้าจะเอื้อมมือมาฉุดฉันให้พ้นจากความทรมานได้เร็วขึ้น...คงดี
ฉันไม่ร้องไห้เพราะคนเก่าของเธออีกแล้วจริงๆ ฉันไม่รู้ว่าเป็นเพราะหัวใจของฉันแข็งแรงขึ้น, ฉันศรัทธาในความรักมากขึ้น หรือเพราะ...ฉัน...
Lover VS Other
ด้วยความเข้าใจที่ไม่ค่อยถูกซักเท่าไหร่ของฉัน ฉันรู้สึกว่า เราสามารถแสดงอารมณ์ ความรู้สึก เพื่อเปิดเผยตัวตนกับคนรักเราได้อย่างเต็มที่ โดยที่บางครั้งมันจะเป็นสิ่งที่ทำลายสิ่งดีๆบางอย่างที่เค้าคาดหวังว่าเราจะทำ ฉันยอมรับว่าหลงลืมความเกรงใจ และมองข้ามความรู้สึกของเธอกับคำพูดและการกระทำของฉัน ความรู้สึกแย่ๆที่เกิดขึ้นกับเธอ แม้คำขอโทษของฉันบางครั้งก็หมดความหมาย ในเมื่อการกระทำของฉันมันได้ทำให้ใจเธอเป็นรอยไปแล้ว ฉันได้เรียนรู้ว่าควรเหลือความเป็นคนอื่นให้กับคนรักไว้บ้าง เพื่อที่เราจะได้เกรงใจและคิดถึงใจเขาใจเรามากกว่านี้ ขอโทษกับสิ่งที่ฉันทำลงไปแล้วทำร้ายเธอ แม้คำขอโทษของฉันจะไม่ทำอะไรให้มันดีขึ้น แต่ฉันก็อยากจะ "ขอโทษ" เธออยู่ดี.
Lost myself..
ต้นไม้ที่ยืนรากมั่นคงอยู่ชั่วนาตาปี หากต้องพายุโหมกระหน่ำอย่างไม่ทันตั้งตัว ก็คงถูกแรงพายุถอนรากถอนโคนจนยากจะฟื้น มิพักกับคนเราที่อยู่ตัวคนเดียวมาหลายหนาวเพียงแค่ลมแห่งรักพัดวูบเข้ามา หัวใจส่วนลึกที่โหยหาใครสักคน ย่อมสูญเสียความสมดุลระหว่างความแข็งแกร่งยามอยู่คนเดียว กับความเปลี่ยวเหงาที่ต้องการคนเคียงข้างเป็นธรรมดา
บางคนว่าต้องรักอย่างมีสติ เอาเข้าจริงการใช้สติเข้าชนะกิเลสเหลิงหลงนั้นทำยากพอดู และยิ่งเป็นรักครั้งแรกด้วยแล้ว ยากนักที่จะจำแนกว่ารักหรือหลง ทฤษฎีที่เรียนรู้มาก่อน กลับถูกหลงลืมไม่นำมาใช้ปฏิบัติ ผลที่วาดหวังไว้จึงสวนทางกับสิ่งที่เป็นอยู่
"รักได้แต่อย่าสูญเสียความเป็นตัวเอง" ฉันเองรู้อยู่เต็มอก แต่อารมณ์และความต้องการมันก็พาให้ฉันเปลี่ยนไป จากคนที่มีเหตุผลกลายเป็นเด็กเอาแต่ใจ จากคนที่เคยแข็งแกร่งกลับอ่อนไหว ขี้ระแวง ณ วันนี้ฉันจะพยายามกลับสู่สิ่งที่ฉันเป็นให้ได้ ฉันจะปรับความสมดุลนั้น จะให้เวลาและระยะห่างที่เหมาะสมกับเธอ ฉันจะเพียงแค่เพิ่มเธอเข้ามาอยู่ข้างๆเพื่อเติมเต็มซึ่งกันและกัน จะไม่แย่งยื้อความเป็นส่วนตัวจากเธอ หวังว่าเธอยังคงให้โอกาสในการปรับตัวของฉันครั้งนี้ และอดทนรอคอยผลของมันนะคะ...โจ้
First date
Hi ! all,This's my first post. I'm cordially thank Khun Ae+ for bring me found this web.Whenver you have somthing that can not tell somebody. If you have some place, where you can express everything you feel inside, you will get best idea or self undrestanding by yourself!! Who's know you more than yourself?Well, now I share a bit for my head title. "Life go on, whenever you can love and laugh." I am not sure that right or wrong but I need you to get that meaning.When you grow up to the step that you need to know " Why do you live? or What do you want for your life?" Someone concentrate to find their answers. Someone ignore them. For concentrated one, let the thing gon on their own way. For ignored one, time is not returned. I'm not wisdom to use my life. But I can laugh for the lonely day and I care myself although no one care for me. The truth is you are alone when you were borned so that you can live alone also. Enjoy your life.ขอขอบคุณคุณเอ๋ ที่เป็นคนแนะนำให้รู้จักเว็บนี้นะจ๊ะ (^0^)เมื่อคุณมีเรื่องที่ไม่รู้จะบอกใคร การมีที่ไหนซักที่ให้คุณระบายก็ทำให้อะไรที่ดูเหมือนไม่มีทางออก ได้มีทางปลดปล่อย และบางทีมันอาจให้คุณเข้าใจ หรือ ดีกว่านั้นคุณอาจได้คำตอบโดยที่คุณไม่ต้องไปถามใครให้เหนื่อยเลยก็ได้ ก็ใครจะรู้อะไรดีไปกว่าตัวคุณล่ะว่าไหม 6^-^6ไหนๆ ก็อ่านกันมาถึงบรรทัดนี้แล้วก็ขอกล่าวถึง หัวข้อข้างบนซะหน่อยเดี๋ยวจะไม่มีอะไรคุย "Life's go on, whenever you can love and laugh." ไม่รู้เขียนถูกรึเปล่า แต่อยากให้มันแปลได้ความว่า "ชีวิตดำเนินต่อไปได้ เมื่อคุณยังรักและหัวเราะได้อยู่" เมื่อวัยหนึ่งมาถึง คนเรามักต้องการรู้เป้าหมายของตัวเองว่าเราเกิดมาทำไม ชีวิตจะดำเนินไปอย่างไร เมื่อเกิดคำถาม หลายคนคร่ำเคร่งกับการหาคำตอบ หลายคนมองข้ามคำถามเหล่านั้น กับคนที่คร่ำเคร่ง บางทีเราอาจจะไม่ได้คำตอบหากเราเคี่ยวกรำกับมันมากๆ กับคนที่มองข้าม เวลาที่คุณเสียไปมันเอากลับคืนมาไม่ได้ ฉันก็ไม่ได้เป็นคนที่ฉลาดในการใช้ชีวิตมากนักหรอก เพียงแค่เราหัวเราะให้กับตัวเองได้ในวันที่ออกจะเงียบไปบ้าง และรักตัวเอง เมื่อรู้สึกว่าไม่มีใครเข้าใจ ดูเหมือนเห็นแก่ตัว แต่ก็เป็นความจริงที่ว่า คนเราเกิดมาคนเดียวก็ย่อมใช้ชีวิตคนเดียวได้